ฟอสฟอรัสในเลือดสูง (Hyperphosphatemia)

ภาวะฟอสฟอรัสในเลือดสูงมักไม่แสดงอาการโดยตรง แต่ผู้ป่วยมักมีอาการของภาวะแคลเซียมต่ำที่เกิดร่วมกัน เช่น ตะคริว กล้ามเนื้อกระตุก ชารอบปาก มือเท้าจีบ รีเฟล็กซ์ไว หรือมีอาการชักได้ ดังนั้นจึงไม่มี “ค่าสูงวิกฤติ” ของฟอสฟอรัสเหมือนเกลือแร่ชนิดอื่น แต่เมื่อพบค่าฟอสฟอรัสสูงผิดปกติ (> 4.5 mg/dL ในผู้ใหญ่ และ > 5.2 mg/dL ในเด็ก) ก็จำเป็นต้องหาสาเหตุเสมอ

สาเหตุหลักของภาวะฟอสฟอรัสในเลือดสูง ได้แก่

  1. ได้รับฟอสฟอรัสมากเกินไป เช่น การให้อาหารทางหลอดเลือด หรือการแก้ภาวะฟอสฟอรัสต่ำด้วยการหยดเข้าหลอดเลือด
  2. การขับออกลดลง โดยเฉพาะจากภาวะไตวาย
  3. ฟอสฟอรัสถูกปลดปล่อยออกมาจากเซลล์ เช่น จากภาวะมะเร็งระยะแพร่กระจายที่มีการสลายตัวของเซลล์ หรือจากผลข้างเคียงของเคมีบำบัด

แนวทางการวินิจฉัย

เมื่อพบภาวะฟอสฟอรัสสูง ควรตรวจเกลือแร่ตัวอื่นร่วมด้วยทุกครั้ง โดยเฉพาะแคลเซียม และตรวจการทำงานของไต หากแคลเซียมและค่าการทำงานของไตปกติ จึงค่อยดำเนินการสืบค้นตามผังการวินิจฉัยต่อไป

ขั้นแรกคือการตรวจปริมาณฟอสเฟตในปัสสาวะ 24 ชั่วโมง เพื่อประเมินการขับฟอสฟอรัสของไต หาก urine phosphate > 1500 mg/day แสดงว่าไตยังขับฟอสฟอรัสได้ดี สาเหตุจึงมักเกี่ยวข้องกับการได้รับฟอสฟอรัสมากเกินไป การปลดปล่อยฟอสฟอรัสจากเซลล์ และภาวะกรดในเลือด รวมถึงโรคทางพันธุกรรม เช่น Cortical hyperostosis หรือ Familial hyperphosphatemia

แต่ถ้า urine phosphate < 1500 mg/day หมายความว่าไตขับฟอสฟอรัสได้ลดลง ซึ่งพบในภาวะไตวาย, hypoparathyroidism, pseudohypoparathyroidism และโรค multiple myeloma ทั้งหมดนี้มักพบแคลเซียมในเลือดต่ำร่วมด้วย แต่หากแคลเซียมปกติ ควรพิจารณากลุ่มโรคอื่น เช่น hyperthyroidism, acromegaly, tumor calcinosis, การขาดแมกนีเซียม หรือวัยหมดประจำเดือน ซึ่งมักมีอาการทางคลินิกเฉพาะของโรคนั้นร่วมด้วย



แนวทางการรักษา

เนื่องจากภาวะฟอสฟอรัสสูงมักไม่ทำให้เกิดอาการรุนแรงเฉียบพลัน การรักษาจึงมุ่งที่ “การแก้ไขสาเหตุ” เป็นหลัก หากสาเหตุไม่สามารถแก้ไขได้ หรือระดับฟอสฟอรัสสูงมาก อาจให้ยาเพื่อลดการดูดซึมฟอสเฟต เช่น Sucroferric oxyhydroxide (Velphoro), Sevelamer (Renagel), Lanthanum carbonate (Fosrenol), Ferric citrate (Auryxia) และในรายที่ไตยังทำงานดี อาจให้ยาขับปัสสาวะ Furosemide เพื่อเพิ่มการขับฟอสฟอรัสออก

สรุป

ภาวะฟอสฟอรัสในเลือดสูงมักไม่แสดงอาการโดยตรง แต่อาจพบอาการจากภาวะแคลเซียมต่ำที่เกิดร่วมกัน การประเมินจึงควรเริ่มจากการตรวจระดับแคลเซียมและการทำงานของไต จากนั้นใช้การตรวจฟอสเฟตในปัสสาวะเพื่อแยกสาเหตุว่าเกิดจากการได้รับฟอสฟอรัสเกิน ไตขับออกลดลง หรือเกิดจากการสลายตัวของเซลล์ การรักษาส่วนใหญ่เน้นแก้ปัญหาต้นเหตุ และให้ยาลดการดูดซึมฟอสเฟตหรือยาขับปัสสาวะเฉพาะกรณีที่จำเป็น

บรรณานุกรม

  1. Alina G Sofronescu. "Phosphate (Phosphorus)." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Medscape (29 พฤศจิกายน 2568).
  2. Eleanor Lederer. "Hyperphosphatemia." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Medscape (29 พฤศจิกายน 2568).
  3. James Manos. "Review: Tips in biochemistry Volume (6)." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา My Medical Texts. (29 พฤศจิกายน 2568).