ใจสั่น (Palpitations)

อาการใจสั่น คือ ความรู้สึกว่าหัวใจเต้นผิดปกติ เช่น เต้นเร็ว รัว แรง หรือเหมือนขาดหายเป็นบางจังหวะ ทั้งที่ไม่ได้เกิดจากการออกแรง ความกลัว ความตื่นเต้น หรือความประหม่าอย่างที่พบตามปกติ

โดยทั่วไป อาการใจสั่นประมาณครึ่งหนึ่ง (53%) มีสาเหตุจากโรคหัวใจหรือโรคทางกายอื่น ๆ ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง (47%) เกิดจากสภาพจิตใจหรือไม่ทราบสาเหตุ กลุ่มที่มีสาเหตุจากระบบหัวใจ มักพบร่วมกับลักษณะดังต่อไปนี้

ทั้งนี้ ผู้ที่มีอาการใจสั่นเป็นประจำ ไม่ว่าจะเข้าข่ายลักษณะใดหรือไม่ก็ตาม ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุของโรคหัวใจและโรคทางกายอื่น ๆ อย่างน้อยหนึ่งครั้ง



สาเหตุของอาการใจสั่น

  1. โรคหัวใจ
  2. พยาธิสภาพของหัวใจที่อาจทำให้รู้สึกใจสั่น ได้แก่

    • พยาธิสภาพของลิ้นหัวใจ เช่น ลิ้นหัวใจตีบ ลิ้นหัวใจรั่ว หรือลิ้นหัวใจไมตรัลโผล่แลบ (Mitral valve prolapse)
    • พยาธิสภาพของกล้ามเนื้อหัวใจ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจหนาตัว กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หัวใจโต หัวใจล้มเหลว ผนังห้องหัวใจรั่ว หรือเนื้องอกหัวใจ (Atrial myxoma)
    • ความผิดปกติของระบบไฟฟ้าหัวใจ เช่น Atrial fibrillation, AVNRT, AV block, Long QT syndrome, Multifocal atrial tachycardia, Supraventricular tachycardia, Sick sinus syndrome, Ventricular tachycardia, WPW syndrome เป็นต้น ความผิดปกติบางชนิดเกิดขึ้นเอง บางชนิดเกิดจากยา หรือภาวะเกลือแร่ในเลือดผิดปกติ
    • พยาธิสภาพของเยื่อหุ้มหัวใจ เช่น เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ เยื่อหุ้มหัวใจหดรัด หรือน้ำคั่งในช่องเยื่อหุ้มหัวใจ

    ความผิดปกติของหัวใจเหล่านี้มักตรวจพบได้จากการตรวจร่างกาย การเอกซเรย์ทรวงอก และการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ

  3. โรคหรือภาวะอื่น ๆ
  4. โรคหรือภาวะต่อไปนี้ก็ทำให้เกิดอาการใจสั่นได้ ผู้ป่วยควรเล่าอาการและประวัติให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด

    • คอพอกเป็นพิษ (Thyrotoxicosis) มีอาการมือสั่น เหงื่อออกมาก ขี้ร้อน หัวใจเต้นเร็ว ต่อมไทรอยด์โต และบางรายมีตาโปน
    • โรคปอดเรื้อรัง ที่กระทบต่อการแลกเปลี่ยนออกซิเจน
    • ไตวาย
    • Pheochromocytoma เนื้องอกต่อมหมวกไต ทำให้มีความดันสูงและชีพจรเต้นเร็วเป็นพัก ๆ
    • ผลข้างเคียงของยา เช่น
      • แอมเฟตามีน (ในยาลดความอ้วน ยาบ้า ยาม้า)
      • โคเคน
      • ยาขยายหลอดลม
      • ยาแก้คัดจมูก (Pseudoephedrine)
      • ยากระตุ้นหัวใจ
      • ยารักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เช่น Amiodarone, Quinidine, Procainamide, Sotalol
      • ยาขยายหลอดเลือด
      • ยาขับปัสสาวะ
      • ฮอร์โมนไทรอยด์
      • ยากลุ่ม Anticholinergics
      • ยากลุ่ม Antihistamines เช่น Diphenhydramine, Hydroxyzine
      • ยาปฏิชีวนะกลุ่ม Fluoroquinolones และ Macrolides
      • ยารักษาโรคจิตประสาทกลุ่ม Phenothiazines และ Tricyclic antidepressants
      • ยากลุ่ม Protease inhibitors
      • ยากลุ่ม Selective serotonin reuptake inhibitors
    • ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เช่น เป็นเบาหวานแล้วมีความไม่สมดุลระหว่างยากับอาหาร โรคตับ โรคพิษสุราเรื้อรัง หรือเนื้องอกที่หลั่งอินซูลิน
    • ภาวะเกลือแร่ในเลือดผิดปกติ
    • ภาวะโลหิตจาง
    • ภาวะอื่น ๆ เช่น ดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มชูกำลังมาก ใช้เสพสารเสพติด สูบบุหรี่จัด ดื่มสุรามาก ไข้สูง เสียเลือด ขาดออกซิเจน หรือตั้งครรภ์

    เมื่อสงสัยโรคหรือภาวะเหล่านี้จากประวัติหรือผลตรวจเบื้องต้น แพทย์อาจพิจารณาตรวจเลือดเพิ่มเติมเพื่อยืนยัน

  5. จากสภาพจิตใจ
  6. อาการใจสั่นจากสภาพจิตใจมักสัมพันธ์กับความเครียด ความเหนื่อยล้า ความวิตกกังวล หรือความกลัว ที่กดทับอยู่ในใจเป็นเวลานานจนรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นผิดปกติ

    การตรวจร่างกาย เอกซเรย์ ตรวจเลือด และคลื่นไฟฟ้าหัวใจมักไม่พบความผิดปกติทางกายภาพ และผู้ป่วยจำนวนมากตระหนักได้ในภายหลังว่าอาการมีส่วนเกี่ยวข้องกับสภาพจิตใจของตนเอง

  7. ไม่ทราบสาเหตุ
  8. ผู้ป่วยที่ไม่เชื่อว่าสาเหตุมาจากจิตใจ รวมทั้งผู้ป่วยที่แม้การตรวจขั้นต้นจะไม่พบความผิดปกติ แต่แพทย์อาจขอทำการตรวจพิเศษเพิ่มในรายที่มีประวัติหรืออาการดังต่อไปนี้

    การตรวจเพิ่มเติมอาจรวมถึงการบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจตลอด 24–72 ชั่วโมง (Holter monitoring) หรือเครื่องกดบันทึกเมื่อมีอาการ (Event recording) เพื่อจับความผิดปกติที่เกิดขึ้นเป็นช่วง ๆ นอกจากนี้อาจตรวจอัลตราซาวด์หัวใจ (Echocardiography) เพื่อดูโครงสร้างและการทำงานของหัวใจ

    ในรายที่มีอาการแน่นหน้าอกเวลาออกแรงคล้ายหัวใจขาดเลือด แต่คลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะพักยังปกติ อาจต้องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะเดินสายพาน (Exercise stress test) ซึ่งต้องมีแพทย์โรคหัวใจเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด

    แต่แม้จะได้รับการตรวจทุกอย่างเท่าที่จำเป็นแล้ว ผู้ป่วยกลุ่มหนึ่งก็ยังหาสาเหตุของอาการใจสั่นไม่ได้ ส่วนใหญ่อาการจะหายไปเอง ส่วนน้อยที่มีสาเหตุจริง ๆ ก็จะปรากฏอาการร่วมอย่างอื่นให้เห็นชัดขึ้นในเวลาต่อมา

สรุป

อาการใจสั่นเป็นสัญญาณที่อาจเกี่ยวข้องได้ทั้งจากโรคหัวใจ โรคทางกายอื่น ๆ สารกระตุ้น ผลข้างเคียงของยา สภาวะทางจิตใจ หรืออาจไม่พบสาเหตุแน่ชัด การสังเกตอาการร่วม การประเมินปัจจัยเสี่ยง และการเข้ารับการตรวจโดยแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ เพราะช่วยแยกอาการที่อันตรายออกจากอาการที่ไม่ร้ายแรง และช่วยให้ได้รับการดูแลรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่เนิ่น ๆ