เม็ดเลือดแดงมาก (Polycythemia)

ภาวะเม็ดเลือดแดงมากเป็นภาวะตรงข้ามกับโรคโลหิตจาง คือมีจำนวนเม็ดเลือดแดงสูงกว่าปกติจากผลตรวจทางโลหิตวิทยา ส่งผลให้เลือดมีความข้น เหนียว และไหลเวียนได้ช้าลง ทำให้หัวใจต้องออกแรงสูบฉีดมากขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดการอุดตันของหลอดเลือดขนาดเล็กได้

ในทางคลินิก ค่าที่ใช้บ่งชี้ปริมาณเม็ดเลือดแดงคือ “ฮีโมโกลบิน (Hb)” และ “ฮีมาโตคริต (Hct)” โดยเกณฑ์วินิจฉัยภาวะเม็ดเลือดแดงมากในแต่ละช่วงอายุมีดังนี้

อายุฮีโมโกลบิน (Hb)ฮีมาโตคริต (Hct)
แรกเกิด - 1 เดือน   -> 65%
2 เดือน - 12 ปี   -> 50%

13 ปีขึ้นไป
หญิง> 16.5 g/dL> 48%
ชาย> 18.5 g/dL> 52%

ในทารกแรกเกิด มักมีการถ่ายทอดเลือดจากแม่มากกว่าช่วงวัยอื่น จึงพบค่าฮีโมโกลบินและฮีมาโตคริตสูงได้ แต่จะค่อย ๆ ลดลงสู่ระดับปกติภายใน 1–2 สัปดาห์แรกของชีวิต ดังนั้นเกณฑ์วินิจฉัยภาวะเม็ดเลือดแดงมากในทารกจึงสูงกว่าผู้ใหญ่

ภาวะขาดน้ำ เช่น อาเจียนหรือท้องร่วงรุนแรง อาจทำให้ระดับฮีมาโตคริตสูงขึ้นชั่วคราว ซึ่งไม่ได้จัดว่าเป็นภาวะเม็ดเลือดแดงมากจริง ๆ เพราะเมื่อได้รับน้ำทดแทน ค่าต่าง ๆ จะลดลงเป็นปกติ

ประเภทของภาวะเม็ดเลือดแดงมาก

ภาวะเม็ดเลือดแดงมากแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ

  1. ภาวะเม็ดเลือดแดงมากปฐมภูมิ (Primary polycythemia) เป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นจากไขกระดูกเอง ทำให้มีการสร้างเม็ดเลือดแดงมากผิดปกติ ทั้งที่ระดับฮอร์โมน erythropoietin (EPO) ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดงไม่ได้สูง (บางรายอาจต่ำกว่าปกติ) กลุ่มนี้พบในผู้ป่วย 2 วัยคือ
    • Primary familial and congenital polycythemia (PFCP) พบตั้งแต่แรกเกิด เกิดจากความผิดปกติของยีน EPOR เป็นภาวะที่พบได้น้อยมาก
    • Polycythemia vera (PV) หรือ Polycythemia rubra vera (PRV) พบในผู้ใหญ่ เกิดจากการกลายพันธุ์ของยีน JAK2 โดยมักพบร่วมกับการเพิ่มจำนวนของเม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดด้วย
  2. ภาวะเม็ดเลือดแดงมากทุติยภูมิ (Secondary polycythemia) เกิดจากไตสร้างฮอร์โมน erythropoietin มากขึ้น เพื่อตอบสนองต่อภาวะขาดออกซิเจนเรื้อรัง สาเหตุที่พบได้ เช่น อาศัยอยู่บนพื้นที่สูงเป็นเวลานาน, สูบบุหรี่เรื้อรัง, โรคปอดเรื้อรัง (COPD, emphysema), ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (มักพบในโรคอ้วน), โรคหัวใจพิการหรือหัวใจล้มเหลวเรื้อรัง รวมถึงเนื้องอกบางชนิดที่หลั่ง erythropoietin เช่น ถุงน้ำที่ไต, มะเร็งตับ, มะเร็งไต, มะเร็งต่อมหมวกไต และมะเร็งมดลูก


อาการของภาวะเม็ดเลือดแดงมาก

ในภาวะเม็ดเลือดแดงมากทุติยภูมิ อาการจะขึ้นกับโรคต้นเหตุที่ทำให้เกิดภาวะขาดออกซิเจน ส่วนภาวะเม็ดเลือดแดงมากปฐมภูมิ โดยเฉพาะในผู้ป่วย Polycythemia vera มักพบอาการดังต่อไปนี้

แนวทางการวินิจฉัย

การแยกสาเหตุระหว่างภาวะเม็ดเลือดแดงมากปฐมภูมิและทุติยภูมิเป็นขั้นตอนสำคัญ เพราะแนวทางรักษาแตกต่างกัน การซักประวัติ เช่น โรคประจำตัว การสูบบุหรี่ รวมถึงอาการข้างต้นจะช่วยแบ่งกลุ่มเบื้องต้น แต่การตรวจเลือดเพื่อดูระดับ erythropoietin (EPO) และค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนจะให้ข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้น

ภาวะปฐมภูมิ: มีระดับ EPO ต่ำหรือปกติ และค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนมัก > 95%
ภาวะทุติยภูมิ: มีระดับ EPO สูง และค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนต่ำ

หากพบว่าเป็นภาวะเม็ดเลือดแดงมากปฐมภูมิ แพทย์จะตรวจไขกระดูกเพิ่มเติม เพื่อตัดมะเร็งไขกระดูกออกไป เกณฑ์การวินิจฉัยโรค Polycythemia vera (ของ WHO ปี 2016) ต้องมี 3 เกณฑ์หลัก หรือ 2 เกณฑ์หลัก + 1 เกณฑ์รอง ดังนี้

เกณฑ์หลัก

  1. ฮีโมโกลบิน > 16.5 g/dL (ชาย) หรือ > 16 g/dL (หญิง) หรือ ฮีมาโตคริต > 49% (ชาย) หรือ > 48% (หญิง) หรือ มวลเม็ดเลือดแดงสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติอย่างน้อย 25%
  2. ตรวจพบยีน JAK2V617F หรือการกลายพันธุ์ของ JAK2 exon 12
  3. ไขกระดูกมีเซลล์เพิ่มขึ้นทั้ง 3 สาย ได้แก่ เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาวชนิดแกรนูล และเกล็ดเลือด

เกณฑ์รอง

  1. ระดับ erythropoietin ในเลือดปกติ


แนวทางการดูแลรักษา

ภาวะเม็ดเลือดแดงมากปฐมภูมิมีแนวทางการรักษาดังนี้

  1. การถ่ายเลือดออก (Phlebotomy) วิธีนี้จะช่วยลดจำนวนของเม็ดเลือดที่สร้างออกมาแล้ว เป็นวิธีการแรกที่จะช่วยลดความรุนแรงของโรค ปกติจะเริ่มทำเมื่อฮีมาโตคริตมากกว่า 55%
  2. การลดการสร้างเม็ดเลือด อาจใช้ยา Hydroxyurea หรือ Anagrelide เพื่อไปกดการทำงานของไขกระดูก บางรายอาจใช้สารกัมมันตรังสี เช่น Phosphorus (P-32) หรือ Interferon-alpha เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้มาต่อสู้กับภาวะการสร้างเม็ดเลือดแดงที่มากเกินไป
  3. การป้องกันการเกิดลิ่มเลือด โดยใช้ Aspirin ขนาด 75-100 mg เพื่อป้องกันการเกาะกันของเกล็ดเลือด
  4. การรักษาตามอาการ เช่น ให้ยา Antihistamine แก้คัน, ให้ยาแก้ปวดข้อ, และรักษาภาวะที่มีลิ่มเลือดอุดตันตามที่ต่าง ๆ

ส่วนภาวะเม็ดเลือดแดงมากทุติยภูมิ หากเป็นผลจากโรคที่ทำให้มีการขาดออกซิเจนเรื้อรัง คงทำได้แค่เพียงการถ่ายเลือดออกเป็นครั้ง ๆ ไปเมื่อค่าฮีมาโตคริตสูงเกิน 55% หากเป็นจากการมีเนื้องอกที่หลั่งฮอร์โมน erythropoietin ก็รักษาตามแนวทางของเนื้องอกนั้น ๆ ร่วมกับการถ่ายเลือดออกในระหว่างที่รอผลการรักษา

การดูแลตนเองเมื่ออยู่ที่บ้าน

  • งดสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่ทำให้หลอดเลือดตีบแคบ เลือดที่ข้นอยู่แล้วจะยิ่งไหลเวียนยากขึ้นไปอีก กลายเป็นลิ่มอุดตันได้ง่ายขึ้น
  • ออกกำลังกายเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด
  • หากไม่มีโรคหัวใจควรดื่มน้ำให้มากขึ้น อย่าให้ร่างกายอยู่ในภาวะขาดน้ำ
  • ดูแลร่างกายไม่ให้เกิดบาดแผล เนื่องจากปัญหาการไหลเวียนจะทำให้แผลหายช้า โดยเฉพาะบริเวณมือและเท้า
  • ลดอาการคันโดยการอาบน้ำเย็นและเช็ดตัวให้แห้ง การอาบน้ำอุ่นจะทำให้คันยิ่งขึ้น
  • รับประทานยาและพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง เพื่อประเมินระดับเม็ดเลือดและติดตามภาวะแทรกซ้อน

สรุป

ภาวะเม็ดเลือดแดงมาก (Polycythemia) เป็นภาวะที่ปริมาณเม็ดเลือดแดงสูงผิดปกติ ทำให้เลือดข้นและไหลเวียนช้าลง ส่งผลให้หัวใจทำงานหนักและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน ภาวะนี้แบ่งเป็นปฐมภูมิและทุติยภูมิ โดยแต่ละชนิดมีสาเหตุ อาการ และแนวทางการรักษาต่างกัน การวินิจฉัยต้องแยกความผิดปกติทั้งสองกลุ่มอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการตรวจระดับฮอร์โมน erythropoietin และระดับออกซิเจนในเลือด

การรักษาจะเน้นการลดระดับความข้นของเลือด เช่น การถ่ายเลือดออก การใช้ยากดไขกระดูก และการป้องกันลิ่มเลือด ทั้งนี้ผู้ป่วยควรดูแลตนเองอย่างเหมาะสม เช่น งดบุหรี่ ดื่มน้ำให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนและช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น

บรรณานุกรม

  1. Srikanth Nagalla. 2019. "What are the WHO diagnostic criteria for polycythemia vera (PV)?" [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Medscape (4 ธันวาคม 2568).
  2. "High hemoglobin count." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Mayo Clinic (4 ธันวาคม 2568).