ตกเลือดหลังคลอด (Postpartum hemorrhage, PPH)
การตกเลือดหลังคลอด หมายถึง การเสียเลือดมากกว่า 500 มล. (ครึ่งลิตร) หลังการคลอดทางช่องคลอด หรือมากกว่า 1,000 มล. (หนึ่งลิตร) หลังการผ่าตัดคลอด
ปัจจัยเสี่ยงของการตกเลือดหลังคลอด ได้แก่
- มดลูกมีขนาดใหญ่ เช่น ครรภ์แฝด ทารกตัวโต หรือมีน้ำคร่ำมาก
- เคยผ่าตัดคลอดมาก่อน
- เคยตกเลือดหลังคลอดมาก่อน
- มีภาวะรกเกาะต่ำ หรือรกลอกตัวก่อนกำหนด
- มีภาวะครรภ์เป็นพิษรุนแรง หรือ HELLP syndrome
- ได้รับการชักนำคลอด
- ได้รับยา oxytocin เป็นเวลานาน
- ระยะคลอดยาวนาน หรือคลอดเร็วผิดปกติ
- มีภาวะติดเชื้อในถุงน้ำคร่ำ
- คลอดโดยใช้อุปกรณ์ช่วยคลอด
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้มาจากงานศึกษาย้อนหลัง และในความเป็นจริงแล้ว การตกเลือดหลังคลอดส่วนใหญ่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า โดยประมาณร้อยละ 90 ของผู้ที่มีภาวะตกเลือดหลังคลอด *ไม่มี* ปัจจัยเสี่ยงใด ๆ มาก่อน
การตกเลือดหลังคลอดแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
- การตกเลือดหลังคลอดทันที — เกิดภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด พบมากที่สุดในกลุ่มนี้ และมักมีการเสียเลือดมาก ทำให้อัตราการเสียชีวิตสูงกว่า
- การตกเลือดหลังคลอดในระยะหลัง — เกิดหลัง 24 ชั่วโมงไปจนถึง 6 สัปดาห์หลังคลอด
สาเหตุของการตกเลือดหลังคลอด
ภายใน 24 ชั่วโมง
- มดลูกหดรัดตัวไม่ดี (Uterine atony) เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากมดลูกอ่อนล้าหลังรกลอกตัว สาเหตุที่ทำให้มดลูกหดตัวไม่ดี เช่น มดลูกขยายใหญ่ระหว่างตั้งครรภ์ การคลอดเร็วหรือคลอดยาวนาน การใช้ยา oxytocin เร่งคลอด การติดเชื้อในถุงน้ำคร่ำ การใช้ยาคลายมดลูก (tocolytics) ยาสลบ หรือการตั้งครรภ์หลายครั้ง
- การฉีกขาดของช่องทางคลอด หากมดลูกหดตัวดีแต่ยังมีเลือดออกมาก ต้องนึกถึงการฉีกขาดเป็นอันดับต่อมา โดยเฉพาะการฉีกขาดลึกซึ่งอาจทำให้มีเลือดคั่งและไหลซึมต่อเนื่อง
- เศษรกค้าง อาจเกิดจากรกบางส่วนไม่ลอกออก หรือมีรกลูกย่อย (succenturiate lobe) ค้างอยู่ เป็นสาเหตุของทั้งตกเลือดหลังคลอดทันทีและระยะหลัง
- รกติดตรึง (Placenta adherens) พบไม่บ่อย (ประมาณ 1:2,500) สาเหตุเสี่ยง ได้แก่ เคยขูดมดลูกหลังคลอด เคยผ่าตัดคลอดหรือผ่าตัดเปิดมดลูก มีรกเกาะต่ำ หรือเคยคลอดหลายครั้ง
- มดลูกแตก (Uterine rupture) เกิดจากการเบ่งคลอดที่ทารกติด การแยกของแผลผ่าตัดมดลูก การตั้งครรภ์แฝด การคลอดหลายครั้ง หรือการใช้เครื่องมือช่วยคลอด เมื่อมดลูกแตก เลือดจะออกทั้งในช่องท้องและช่องคลอด ผู้ป่วยมักปวดท้องรุนแรง ความดันโลหิตตก อาการทรุดเร็วแม้เลือดออกทางช่องคลอดไม่มาก ภาวะนี้ต้องผ่าตัดฉุกเฉิน
- มดลูกปลิ้น (Uterine inversion) เกิดจากการดึงสายสะดือแรงเกินไป การกดที่ยอดมดลูกขณะมดลูกยังคลายตัว รกเกาะยอดมดลูก ภาวะรกติดตรึง หรือความผิดปกติของมดลูก
- ภาวะเลือดไม่แข็งตัว (Acquired coagulopathies) อาจเกิดตามหลังการติดเชื้อรุนแรง ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด ภาวะน้ำคร่ำอุดหลอดเลือด ทารกเสียชีวิตในครรภ์ ภาวะครรภ์เป็นพิษรุนแรง เป็นต้น ทำให้เลือดออกหยุดยาก
หลัง 24 ชั่วโมง - 6 สัปดาห์หลังคลอด
ความเสี่ยงและความรุนแรงของการตกเลือดจะลดลงเมื่อพ้นช่วง 24 ชั่วโมงแรก โดยสาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่
- เศษรกค้าง เป็นสาเหตุอันดับหนึ่ง หากทิ้งไว้นานอาจเน่าและติดเชื้อได้
- การติดเชื้อ อาจเกิดในโพรงมดลูก ปากมดลูก ช่องคลอด หรือรุนแรงจนลามไปถึงรังไข่ กระเพาะปัสสาวะ หรือเยื่อบุช่องท้อง แม้โดยทั่วไปการติดเชื้อจะไม่ทำให้เลือดออกมาก แต่จะทำให้มีไข้ ปวดท้อง มีหนอง หรือปวดแผลมากขึ้น
- มดลูกเข้าอู่ช้า (Uterine subinvolution) ปกติยอดมดลูกจะลดลงราว 1 ซม./วันหลังคลอด น้ำคาวปลาจะเปลี่ยนจากสีแดงเป็นเหลือง และแห้งไปในสัปดาห์ที่ 6 หากมดลูกเข้าอู่ช้ากว่าปกติอาจทำให้มีเลือดออกนานขึ้น
- หลอดเลือดบริเวณที่รกเกาะไม่หดกลับ (Placental site subinvolution) พบไม่บ่อยและวินิจฉัยยาก มักต้องขูดมดลูกเพื่อตรวจทางพยาธิวิทยา
- มีภาวะเลือดแข็งตัวช้าแต่กำเนิด (Hereditary coagulopathies) ส่วนใหญ่เป็นโรคทางพันธุกรรม บางรายไม่เคยมีอาการจนกว่าจะมีบาดแผลขนาดใหญ่ เช่น หลังคลอด
แนวทางการตรวจรักษา
ภาวะตกเลือดหลังคลอดทันทีมักเกิดในโรงพยาบาลซึ่งมีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด แต่หากเกิดหลังกลับบ้าน เช่น น้ำคาวปลายังสีแดงเกิน 3 สัปดาห์ น้ำคาวปลากลับมามีเลือดปน มีกลิ่นผิดปกติ หรือมีไข้และปวดท้อง ควรรีบไปพบแพทย์ก่อนใบนัด โดยเฉพาะโรงพยาบาลเดิมที่มีประวัติการคลอด
ในการประเมิน แพทย์จะดูระดับความรู้สึกตัว สัญญาณชีพ และสีเยื่อบุตา
ประวัติจากผู้ป่วยหรือญาติเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะปริมาณเลือดที่ออกในช่วงก่อนมาโรงพยาบาล อาจบอกเป็นปริมาตรโดยประมาณ หรือจำนวนวัสดุที่ใช้ซับเลือด แม้ไม่แม่นยำแต่ช่วยให้แพทย์ประเมินสถานการณ์ได้
โดยทั่วไป แพทย์จะทำการตรวจเลือด ตรวจภายใน ทำอัลตราซาวด์ ให้น้ำเกลือ และ/หรือให้เลือดทดแทนตามความจำเป็น
หากสงสัยภาวะติดเชื้อ ก็จะส่งตรวจย้อมและเพาะเชื้อเพิ่มเติม เมื่อได้สาเหตุชัดเจนแล้วจึงให้การรักษาอย่างตรงจุดต่อไป
สรุป
การตกเลือดหลังคลอดเป็นภาวะสำคัญที่อาจคุกคามชีวิต แม้หลายกรณีเกิดขึ้นแบบไม่สามารถคาดการณ์ได้ แต่การรู้เท่าทันอาการผิดปกติ เช่น เลือดออกมากผิดปกติ น้ำคาวปลาไม่เป็นไปตามลำดับสี มีกลิ่นเหม็น หรือมีไข้และปวดท้องรุนแรง ควรรีบพบแพทย์ทันที ไม่ควรรอถึงวันตรวจหลังคลอด เพราะการรักษาอย่างทันท่วงทีคือหัวใจสำคัญของความปลอดภัยของคุณแม่หลังคลอด