เอนไซม์ตับผิดปกติ (Transaminitis)

"เอนไซม์" เป็นคำทับศัพท์จากภาษาอังกฤษ หมายถึงสารที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อช่วยให้กระบวนการต่าง ๆ ภายในเซลล์ดำเนินไปได้อย่างถูกต้อง ในทางเดินอาหารมักเรียกเอนไซม์ว่า “น้ำย่อย” เพราะทำหน้าที่ย่อยอาหารให้แตกตัวเป็นโมเลกุลเล็กจนร่างกายดูดซึมได้ ส่วนเอนไซม์ตับมีบทบาทสำคัญในกระบวนการสร้างไกลโคเจนและการทำงานภายในเซลล์ตับ โดยปกติเอนไซม์เหล่านี้จะมีปริมาณในเลือดเพียงเล็กน้อย ยกเว้นเมื่อเกิดการอักเสบ บาดเจ็บ หรือการทำงานของตับผิดปกติ จึงทำให้ตรวจพบค่าที่สูงขึ้น ซึ่งเรียกว่า “เอนไซม์ตับผิดปกติ”

เอนไซม์ตับมีหลายชนิด แต่สองตัวที่ใช้ตรวจในชุดตรวจการทำงานของตับคือ

  • AST หรือ Aspartate aminotransferase (ชื่อเดิม SGOT, Serum glutamic oxaloacetic transaminase) พบได้ในเซลล์สมอง หัวใจ ปอด ไต ตับอ่อน และกล้ามเนื้อ จึงไม่จำเพาะต่อโรคตับโดยตรง
  • ALT หรือ Alanine aminotransferase (ชื่อเดิม SGPT, Serum glutamic pyruvic transaminase) เป็นเอนไซม์ที่จำเพาะกับเซลล์ตับมากกว่า

ค่าปกติของ AST และ ALT โดยทั่วไปคือ < 40 IU/L หากค่าขึ้นสูงแต่ไม่เกิน 120 IU/L ถือว่า “ผิดปกติเล็กน้อย” ซึ่งมักยังไม่แสดงอาการ แต่เมื่อสูงเกิน 120 IU/L อาจเริ่มมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ หรืออาเจียนได้

ถึงแม้เอนไซม์จะสูงเพียงเล็กน้อย ก็จำเป็นต้องค้นหาสาเหตุ หลีกเลี่ยงการใช้ยาและอาหารเสริมที่ไม่จำเป็น และติดตามค่า AST, ALT อย่างสม่ำเสมอ

สาเหตุของภาวะเอนไซม์ตับผิดปกติ

เอนไซม์ตับผิดปกติอาจมีสาเหตุจากโรคตับเอง หรือโรคของทางเดินน้ำดี หากเป็นปัญหาที่ทางเดินน้ำดี ค่า Alkaline phosphatase และ Bilirubin มักสูงขึ้นร่วมด้วย (รวมอยู่ในชุดตรวจการทำงานของตับ) ตัวอย่างสาเหตุอยู่ในภาพด้านขวา (TABLE 1)

โรคที่พบบ่อยในคนไทยคือ โรคตับเป็นพิษจากแอลกอฮอล์ (Alcoholic liver disease) ผู้ป่วยมักดื่มสุราหรือเบียร์เป็นประจำ มีภาวะอ้วนลงพุง และพบค่าเอนไซม์ตับสูงระดับ 200–800 IU/L ลักษณะเฉพาะคือ AST สูงกว่า ALT โดยเฉพาะเมื่ออัตราส่วน AST/ALT > 2.0 ซึ่งบ่งบอกได้ค่อนข้างแม่นยำ แม้ว่าผู้ป่วยอาจไม่เปิดเผยปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดื่มก็ตาม

โรคตับที่พบบ่อยถัดมาคือ โรคไวรัสตับอักเสบบีหรือซีเรื้อรัง, โรคไขมันพอกตับชนิดไม่เกี่ยวกับแอลกอฮอล์ (NAFLD) และภาวะตับเป็นพิษจากยา/อาหารเสริม ซึ่งพบมากขึ้นในปัจจุบัน โรคกลุ่มนี้มักทำให้เอนไซม์ตับสูงเพียงเล็กน้อย และมักตรวจพบจากการตรวจสุขภาพประจำปีมากกว่ามีอาการ

ตัวอย่างยาที่มีพิษต่อตับแสดงในภาพด้านล่าง (TABLE 2)

สาเหตุจากทางเดินน้ำดีที่พบบ่อยคือ โรคถุงน้ำดีอักเสบ (Cholecystitis) ซึ่งสัมพันธ์กับนิ่วในถุงน้ำดี และภาวะท่อน้ำดีอุดตัน (Biliary obstruction) จากนิ่วหรือเนื้องอก ภาวะเหล่านี้ตรวจได้ด้วยอัลตราซาวด์ตับ

หากอัลตราซาวด์ปกติแต่ยังสงสัยโรคทางเดินน้ำดีอยู่ (เพราะค่า Alkaline phosphatase และ Bilirubin สูง) อาจตรวจค่า Gamma-glutamyl transferase (GGT) เพิ่มเติม ซึ่งมักสูงในโรคของทางเดินน้ำดี ขณะที่ Alkaline phosphatase อาจสูงจากโรคกระดูกได้เช่นกัน ค่า GGT ปกติมัก < 40 IU/L แต่ไม่ได้รวมในชุดตรวจมาตรฐาน เนื่องจากเป็นค่าเอนไซม์ที่สูงได้จากภาวะอื่น เช่น สูบบุหรี่จัด โรคหัวใจขาดเลือด หัวใจวาย มะเร็งบางชนิด หรือยาบางประเภท

ภาวะตับอักเสบเฉียบพลันรุนแรง เช่น โรคไวรัสตับอักเสบเอ/บีเฉียบพลัน หรือภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด อาจให้ผลตรวจคล้ายโรคทางเดินน้ำดี คือมีค่า AST, ALT และ Bilirubin สูงร่วมกัน

ลักษณะเด่นของไวรัสตับอักเสบเฉียบพลัน ได้แก่:
1) มีไข้ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนตัวเหลืองตาเหลือง
2) ค่าเอนไซม์สูงมาก (800–8000 IU/L)
3) ค่า AST และ ALT ใกล้เคียงกัน (AST/ALT ≈ 1) การตรวจ HAV IgM หรือ HBsAg/HBsAb ช่วยระบุชนิดของไวรัสได้

ส่วนการติดเชื้อในกระแสเลือดมักมีไข้สูง หนาวสั่น และความดันต่ำร่วมด้วย



แนวทางการวินิจฉัย

โดยทั่วไป ALT จะสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในโรคตับเฉียบพลัน ขณะที่ AST จะสูงขึ้นตามเมื่อการทำงานของอวัยวะอื่นเริ่มได้รับผลกระทบ ดังนั้น ระดับและอัตราส่วน AST/ALT สามารถบ่งชี้โรคที่เป็นไปได้ ดังนี้

  1. ค่าเอนไซม์ตับสูงเล็กน้อย (<120 IU/L) ให้นึกถึง
    • ยาและอาหารเสริมบางชนิด
    • ภาวะไขมันพอกตับ (NAFLD)
    • ตับอักเสบจากแอลกอฮอล์ระยะเริ่มต้น (AST ≈ 2×ALT)
    • ไวรัสตับอักเสบบี/ซีเรื้อรัง
  2. ค่าเอนไซม์ตับสูงปานกลาง (120–400 IU/L) ให้นึกถึง
    • โรคของท่อน้ำดี เช่น นิ่ว เนื้องอก หรือภาวะน้ำดีคั่ง ผู้ป่วยมักมีตาเหลืองร่วมด้วย (ท่อน้ำดีอุดตันจากนิ่ว ค่า ALT จะสูงกว่า AST)
    • ปวดท้องเฉียบพลัน: ถุงน้ำดีอักเสบ ตับอ่อนอักเสบ หรือฝีที่ตับ (ระดับ ALT ที่สูงกว่า AST บอกถึงความเร็วของโรค)
    • ตับอักเสบจากแอลกอฮอล์ (AST ≈ 2×ALT)
    • ตับอักเสบจากภูมิคุ้มกันทำลายตับ (Autoimmune hepatitis, AIH)
    • โรคตับแข็ง (ซีด เกร็ดเลือดต่ำ ท้องมาน เลือดออกง่าย, AST > ALT)
    • ไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง
  3. ค่าเอนไซม์ตับสูงมาก (>400 IU/L) ให้นึกถึง
    • ไวรัสตับอักเสบเฉียบพลัน (HAV หรือ HBV)
    • ถ้ามีปวดท้องร่วม: ถุงน้ำดีอักเสบ ตับอ่อนอักเสบ หรือฝีตับรุนแรง
    • ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดรุนแรง
    • ตับอักเสบจากแอลกอฮอล์ขั้นรุนแรง (AST ≈ 2×ALT)
    • ตับอักเสบจากภูมิคุ้มกันรุนแรง

    กลุ่มค่าที่สูงมากมักต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาลเพราะเสี่ยงต่อภาวะตับวาย

ในทุกระดับของความผิดปกติ ควรงดใช้ยาและอาหารเสริมที่ไม่จำเป็นก่อนเสมอ จากนั้นแพทย์อาจตรวจเลือด อัลตราซาวด์ตับ หรือส่องกล้องทางเดินน้ำดีเพิ่มเติมตามความจำเป็น

แนวทางการรักษา

แนวทางการรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุโดยตรง หลายกรณีเพียงหยุดยา หยุดอาหารเสริม หรือหยุดดื่มแอลกอฮอล์ ค่าเอนไซม์ตับก็สามารถกลับสู่ปกติได้เอง สำหรับไขมันพอกตับ การรักษาที่ได้ผลคือการลดน้ำหนัก ควบคุมระดับน้ำตาล ออกกำลังกาย และใช้ยาลดไขมันในเลือด หากมีนิ่วอุดตันควรพิจารณาผ่าตัดหรือส่องกล้องเพื่อเอานิ่วออก ส่วนกรณีที่เอนไซม์สูงมากจำเป็นต้องดูแลใกล้ชิดในโรงพยาบาลเพื่อป้องกันภาวะตับวาย

สรุป

เอนไซม์ตับผิดปกติเป็นสัญญาณเตือนความผิดปกติของตับและทางเดินน้ำดี แม้จะยังไม่แสดงอาการก็ตาม สาเหตุมีตั้งแต่ภาวะแบบไม่รุนแรง เช่น ไขมันพอกตับหรือผลจากยา ไปจนถึงโรครุนแรง เช่น ตับอักเสบเฉียบพลันหรือท่อน้ำดีอุดตัน การประเมินระดับของ AST, ALT และอัตราส่วนระหว่างกัน รวมถึงผลเลือดและอัลตราซาวด์ สามารถช่วยวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำ การหยุดปัจจัยเสี่ยง—โดยเฉพาะยา อาหารเสริม และแอลกอฮอล์—เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้ค่าตับกลับมาปกติ และช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายได้

บรรณานุกรม

  1. Robert C. OH, et. al. 2018. "Mildly Elevated Liver Transaminase Levels: Causes and Evaluation." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา American Academy of Family Physicians. (8 ธันวาคม 2568).
  2. Brian Agganis, et. al. 2018. "Liver enzymes: No trivial elevations, even if asymptomatic." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Cleveland Clinic Journal of Medicine. 2018 August;85(8):612-617. (8 ธันวาคม 2568).
  3. Mazyar Malakouti, et. al. 2017. "Elevated Liver Enzymes in Asymptomatic Patients – What Should I Do?" [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา J Clin Transl Hepatol. 2017 Dec 28; 5(4): 394–403. (8 ธันวาคม 2568).