ปวดคอ (Cervical pain, neck pain)
หน้านี้กล่าวถึงอาการปวดลำคอด้านข้างและด้านหลังลงมาถึงบริเวณบ่า
หากท่านมีอาการเจ็บภายในคอหอย กรุณาดูที่อาการ
เจ็บคอ
ลำคอเป็นบริเวณที่รวมอวัยวะสำคัญหลายระบบ ทั้งระบบประสาท ระบบหายใจ และระบบทางเดินอาหาร เส้นประสาทจากสมองจะรวมกันเป็นไขสันหลังซึ่งเริ่มต้นที่คอ หลอดลมและหลอดอาหารก็ผ่านบริเวณนี้เช่นกัน
ลำคอจึงเป็นส่วนที่บาดเจ็บได้ง่าย เพราะเป็นส่วนสั้น ๆ ส่วนเดียวที่ขยับได้ทุกทิศทางระหว่างศีรษะและทรวงอกขนาดใหญ่ซึ่งติดอยู่กับที่ เหมือนเป็นก้านเล็ก ๆ ที่หันไปมาเพื่อให้ตากับหูรับภาพและเสียงได้ชัดเจนที่สุด อีกทั้งยังโยกเอนเพื่อรับน้ำหนักทั้งหมดของศีรษะตลอดเวลาไม่ว่าเราจะอยู่ในท่าใดก็ตาม
สาเหตุของการปวดคอ
สาเหตุของอาการปวดคอคล้ายกับอาการปวดหลัง คือกว่าร้อยละ 80 เกิดจากกล้ามเนื้อเคล็ดตึง ที่เหลือเกิดจากโรคของกระดูกต้นคอ โรคของไขสันหลัง และพวกเนื้องอกต่าง ๆ
1. กล้ามเนื้อเคล็ดและเอ็นตึง
ลักษณะเด่นของอาการปวดคอจากกล้ามเนื้อคือ ไม่พบอาการทางระบบประสาท เช่น ปวดร้าวลงแขน ชา หรือกล้ามเนื้อแขนอ่อนแรง
โดยทั่วไปอาการจะดีขึ้นเมื่อได้พัก และมักสบายขึ้นหลังตื่นนอน
ผู้ป่วยจะปวดตึงเฉพาะกล้ามเนื้อมัดใดมัดหนึ่ง ทำให้เอี้ยวคอลำบาก
และอาจปวดลามมายังบ่าหรือสะบักด้านหลังได้
2. โรคของกระดูกต้นคอ
กระดูกคอมีทั้งหมด 7 ปล้อง แต่ละปล้องมีช่องให้เส้นประสาทที่ไปเลี้ยงแขนลอดผ่าน โรคของกระดูกคอ ไม่ว่าจะเป็นกระดูกสันหลังเสื่อม หมอนรองกระดูกเสื่อม หมอนรองกระดูกเคลื่อน กระดูกสันหลังตีบ โรครูมาตอยด์ โรค Ankylosing spondylitis หรือการบาดเจ็บ ล้วนทำให้เกิดอาการชา ปวดร้าวลงแขน หรือแขนอ่อนแรงได้
เนื่องจากพยาธิสภาพอยู่ในระดับกระดูก จึงมักส่งผลต่อรากประสาทของข้างใดข้างหนึ่ง ยกเว้นกรณีโรคเป็นมานานหรือบาดเจ็บรุนแรง ซึ่งอาจกระทบหลายรากประสาทพร้อมกัน
ตัวอย่างเช่น รอยโรคระหว่างกระดูกคอปล้องที่ 4–5 จะกดเส้นประสาท C5
รอยโรคที่ปล้อง 5–6 จะกดเส้นประสาท C6 เนื่องจากไขสันหลังมีความยาวสั้นกว่ากระดูกสันหลัง รากประสาทจึงแทงออกมาที่ระดับบนของปล้องกระดูกคอ (หลักการนี้จะเปลี่ยนไปเมื่อเข้าสู่กระดูกสันหลังส่วนอกและเอว)
ตำแหน่งที่ชาหรือปวดอาจบอกตำแหน่งของพยาธิสภาพได้คร่าว ๆ จะให้ดีต้องตรวจดูกล้ามเนื้อมัดที่อ่อนแรงและเคาะรีเฟล็กซ์ประกอบด้วย
| รากประสาท | การทดสอบกล้ามเนื้อ | รีเฟล็กซ์ที่อ่อน |
C1, C2(พบน้อย) | ก้ม/เงยหน้าไม่ได้ (มักเกิดจากการบาดเจ็บรุนแรง ทำให้เป็นอัมพาตตั้งแต่คอลงไป) | - |
| C3 | เอียงคอไปข้างน้้นไม่ได้ อาจหายใจเข้าลึกสุดไม่ได้เพราะกระบังลมอ่อนแรง | - |
| C4 | ยักไหล่ขึ้นไม่เต็มที่ และอาจหายใจเข้าลึกสุดไม่ได้จากกระบังลมอ่อนแรง | - |
C5(พบบ่อย) | กางแขนต้านแรงไม่ได้ | Biceps |
C6(พบบ่อย) |
งอศอกงัดข้อกับเพื่อนไม่ไหว หรือกระดกข้อมือขึ้นต้านแรงกดลงไม่ได้ |
Brachioradialis |
C7(พบบ่อย) |
เหยียดศอกหรือหักข้อมือลงต้านแรงไม่ได้ |
Pronator, Triceps |
C8(รอยโรคอยู่ระหว่าง C7–T1) |
งอนิ้วทั้งสี่ต้านแรงไม่ได้ |
Triceps |
T1(รอยโรคอยู่ระหว่าง T1–T2) |
กางนิ้วต้านแรงไม่ได้ โดยเฉพาะนิ้วหัวแม่มือ |
- |
อาการปวดบริเวณหัวไหล่หรือต้นแขนจำเป็นต้องแยกจากภาวะข้อไหล่อักเสบ ซึ่งสามารถทดสอบได้ 2 วิธี:
- Foraminal Compression Test: ให้ผู้ป่วยแหงนหน้าและเอียงคอไปด้านที่ปวดเล็กน้อย จากนั้นแพทย์กดศีรษะลงอย่างระมัดระวัง หากเป็นโรคจากกระดูกคอกดรากประสาท มักเกิดอาการปวดร้าวลงแขนทันที
- Shoulder Abduction Test: ให้ผู้ป่วยกางแขนข้างที่ปวดแล้ววางมือบนศีรษะ หากเป็นโรคข้อไหล่ อาการปวดจะเพิ่มขึ้นเพราะเส้นเอ็นถูกขยี้มากขึ้น ในขณะที่โรคจากกระดูกคอมักปวดลดลง เนื่องจากเส้นประสาทถูกผ่อนคลาย
3. โรคของไขสันหลังส่วนคอ
โรคของไขสันหลังอาจเกิดจากการติดเชื้อ เนื้องอก การอักเสบที่ไม่ทราบสาเหตุ โพรงไขสันหลังตีบแคบ โรครูมาตอยด์ ภาวะเอ็นสันหลังมีหินปูนมาเกาะ (Ossification of the posterior longitudinal ligament, OPLL) ความเสื่อมของกระดูกสันหลัง หรือการบาดเจ็บรุนแรงต่อกระดูกสันหลัง
อาการปวดคอของโรคในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเริ่มต้นอย่างช้า ๆ ปวดไม่มากแต่เป็นอยู่ตลอดเวลาแม้จะไม่ได้ขยับคอ อาการปวดจะชัดขึ้นเวลานอนตอนกลางคืน และอยู่เฉพาะที่ ค่อยไม่ร้าวไปแขนเหมือนเส้นประสาทถูกกดทับ บริเวณที่ปวดอาจยาวลงไปถึงหลังตามความยาวของไขสันหลังที่เป็นโรค ชี้จุดเจ็บที่สุดจุดเดียวได้ยาก แต่ลักษณะสำคัญที่เด่นกว่าอาการปวดคือ
- มีอาการทางระบบประสาทตั้งแต่ระดับรอยโรคลงไปจนสุดปลายไขสันหลัง เช่น ปวดร้าวทั้งแขนและขา อาการชาเริ่มตั้งแต่ระดับลำตัวลงไป อาการอ่อนแรงทั้งแขนและขา ซึ่งมักเริ่มจากการทำงานละเอียดลำบากขึ้น เช่น กลัดกระดุม ผูกเชือกรองเท้า ร่วมกับอาการเดินเซ เดินขากาง หรือเสียการทรงตัว ในรายรุนแรงอาจควบคุมการขับถ่ายไม่ได้
- มีสัญญาณความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง เช่น รีเฟล็กซ์ไวเกิน, กล้ามเนื้อเกร็งตัวแข็ง, กล้ามเนื้อสั่นพริ้ว (muscle fasciculation), และพบ Babinsky sign, clonus หรือ Hoffman’s reflex ซึ่งไม่ปรากฏในโรคกระดูกทับเส้นทั่วไป
- หากเป็นเรื้อรัง อาจพบกล้ามเนื้อลีบจากการอ่อนแรงต่อเนื่อง
โรคของไขสันหลังพบน้อยกว่าโรคของกระดูกสันหลังมาก แต่ถ้ามีอาการปวดคอและหลังร่วมกับอาการทางระบบประสาทดังกล่าว ควรพบแพทย์อายุรกรรมระบบประสาท เพื่อประเมินว่าควรให้ยา ทำกายภาพบำบัด หรือจำเป็นต้องส่งต่อศัลยแพทย์เพื่อผ่าตัด
4. โรคของเนื้องอก
กระดูกสันหลังเป็นตำแหน่งที่โรคมะเร็งจากอวัยวะอื่นแพร่ลามมาบ่อยเป็นอันดับสาม รองจากปอดและตับ โดยพบมากที่กระดูกสันหลังส่วนอก (70%) รองลงมาคือส่วนเอว (20%) ส่วนบริเวณคอพบประมาณ 10% นอกจากนี้ยังรวมถึงมะเร็งที่ลามไปต่อมน้ำเหลืองบริเวณลำคอ และมะเร็งต่อมน้ำเหลืองปฐมภูมิที่เกิดขึ้นในคอเอง
อาการปวดคอจากมะเร็งที่ลามมากระดูกคอมักเกิดตามหลังอาการอื่นของโรคต้นตอ เช่น เบื่ออาหาร น้ำหนักลดเร็ว หรืออาการผิดปกติของอวัยวะต้นกำเนิด นาน ๆ ครั้งที่มะเร็งต้นตอยังไม่แสดงอาการ แต่ด้วยความที่ลุกลามเร็ว จึงแสดงอาการของอวัยวะที่ลุกลามไปถึงก่อน
เมื่อมีการแพร่กระจายไปยังกระดูกคอ ผู้ป่วยมักปวดมากช่วงกลางคืน ซึ่งต่างจากโรคของกล้ามเนื้อ-กระดูก ที่มักปวดเมื่อขยับใช้งาน
ตำแหน่งที่พบพยาธิสภาพบ่อยคือ pedicles ซึ่งเหมือนเป็นเสาบ้านรองรับหลังคา ทำให้กระดูกสันหลังหักจนกดทับไขสันหลัง เกิดอาการชา อ่อนแรง หรืออัมพาตจากระดับรอยโรคลงไป และประมาณครึ่งหนึ่งจะควบคุมการขับถ่ายไม่ได้
กรณีมะเร็งต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอ มักเริ่มด้วยก้อนแข็งบริเวณคอ อาจมีไข้เรื้อรัง เบื่ออาหาร น้ำหนักลด และหากก้อนกดเบียดทางเดินน้ำเหลืองอาจทำให้แขนบวมร่วมด้วย
ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักอยู่ในระยะลุกลาม การรักษาจึงมุ่งบรรเทาอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อนมากกว่าการรักษาให้หายขาด
แนวทางการตรวจรักษา
หากอาการไม่รุนแรง แพทย์จะเริ่มจากสอบถามประวัติอย่างละเอียด เช่น เริ่มปวดเมื่อใด สัมพันธ์กับอุบัติเหตุหรือไม่ ความรุนแรง ตำแหน่งที่ปวด อาการชา อาการปวดร้าว ความสามารถในการเคลื่อนไหว ท่าที่ทำให้อาการดีขึ้นหรือแย่ลง โรคประจำตัว โรคในครอบครัว และการรักษาที่เคยได้รับ ผู้ป่วยหรือญาติควรเตรียมข้อมูลเหล่านี้ให้พร้อม ซึ่งจากอายุ เพศ อาชีพ และประวัติต่าง ๆ เหล่านี้ ก็สามารถแยกโรคที่น่าจะเป็นออกได้ส่วนหนึ่งแล้ว
จากนั้นแพทย์จะทำการตรวจร่างกายเพื่อดูว่าจำเป็นต้องเอกซเรย์หรือไม่ โดยจะตรวจวัดไข้ ชั่งน้ำหนักตัว ดูและคลำแนวการเรียงตัวของกระดูกคอ คลำต่อมน้ำเหลืองที่ข้างลำคอ กดกล้ามเนื้อหาตำแหน่งที่กดเจ็บ ตรวจทางระบบประสาท และตรวจร่างกายระบบอื่น ๆ
โดยทั่วไป การเอกซเรย์กระดูกคอจะทำในรายที่มีข้อบ่งชี้ข้อใดข้อหนึ่งดังนี้
- อายุมากกว่า 50 ปี และปวดคอตรงตำแหน่งใหม่
- มีไข้ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
- มีภูมิต้านทานบกพร่อง หรือใช้ยาเสพติดชนิดฉีด
- ปวดคอค่อนข้างมาก และนานกว่า 6 สัปดาห์
- ตรวจพบอาการแสดงทางระบบประสาท
- เคยเป็นมะเร็งมาก่อน
- ได้รับอุบัติเหตุที่ศีรษะหรือลำคอมาไม่นาน
การตรวจเพิ่มเติมอาจประกอบด้วย เอกซเรย์ทรวงอก, CT หรือ MRI, เอกซเรย์ Myelogram, ตรวจเลือด, ตรวจน้ำไขสันหลัง, การตรวจการนำไฟฟ้าเส้นประสาทและการทำงานของกล้ามเนื้อ (NCV/EMG) รวมถึง Bone scan ในรายที่สงสัยการติดเชื้อหรือเนื้องอกขนาดเล็ก
การรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรง ส่วนใหญ่เริ่มด้วยยาและกายภาพบำบัด หากเป็นมะเร็งลุกลามจะพิจารณารังสีรักษา รายที่ต้องผ่าตัดกระดูกจะส่งต่อศัลยแพทย์กระดูกและข้อ และหากเป็นเนื้องอกของไขสันหลังหรือเยื่อหุ้มไขสันหลังจะส่งต่อศัลยแพทย์ระบบประสาท
สรุป
อาการปวดคอมีสาเหตุได้ตั้งแต่กล้ามเนื้อเคล็ดซึ่งพบได้บ่อยที่สุด
ไปจนถึงโรคของกระดูกคอ ไขสันหลัง เนื้องอก รวมทั้งภาวะข้อไหล่อักเสบที่ให้อาการคล้ายกัน
การประเมินสาเหตุจำเป็นต้องพิจารณาร่วมกันทั้งลักษณะการปวด ตำแหน่งที่ปวด การตรวจร่างกายเฉพาะทาง และการตรวจภาพวินิจฉัยในบางกรณี การสังเกตอาการร่วม เช่น ปวดร้าวลงแขน ชา หรืออ่อนแรง ช่วยให้แยกสาเหตุได้แม่นยำขึ้น และนำไปสู่การรักษาที่เหมาะสมที่สุด