ภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart failure)
ภาวะหัวใจล้มเหลวเป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคต่าง ๆ ที่ทำให้หัวใจไม่สามารถสูบหรือฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้พอตามต้องการ การเกิดภาวะนี้อาจเกิดขึ้นอย่างกะทันหันที่เรียกกันว่า "หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน" หรือเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ ในเวลาเป็นเดือนแบบที่เรียกกันว่า "หัวใจล้มเหลวเรื้อรัง" หัวใจล้มเหลวเฉียบพลันอาจเสียชีวิตในเวลาไม่นานอย่างที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "หัวใจวายตาย" หรือถ้าโชคดี แพทย์สามารถรักษาได้ ก็ยังอาจกลายเป็นผู้ป่วยหัวใจล้มเหลวเรื้อรัง ต้องรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ จำกัดการออกแรง/ทำงาน และควบคุมสมดุลน้ำดื่ม-ปัสสาวะออกในแต่ละวัน
ภาวะหัวใจล้มเหลวไม่ใช่โรค เมื่อเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันต้องมองหาโรคต้นเหตุ เพื่อจะได้รักษาให้ตรงจุด แต่ถ้าล้มเหลวเรื้อรังจากโรคเดิมที่รักษาได้ไม่ดีนัก ก็ต้องเริ่มรับรู้ว่าตนกำลังเข้าสู่สภาวะเสื่อมของอวัยวะสำคัญของร่างกายแล้ว
สาเหตุของภาวะหัวใจล้มเหลว
ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันมักเกิดจาก
- หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจอุดตัน พบร้อยละ 44
- หัวใจเต้นผิดจังหวะฉับพลัน พบร้อยละ 20
- ลิ้น ผนัง หรือโครงสร้างหัวใจผิดปกติ พบร้อยละ 18 (หากเป็นแต่กำเนิดมักแสดงอาการหัวใจล้มเหลวตั้งแต่เด็ก)
- กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากโรคติดเชื้อ
- กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากโรคทางภูมิคุ้มกัน
- พิษสุรา, ยาบ้า, และสารเสพติด
- ภาวะไตวายและน้ำเกิน
- ความดันโลหิตสูงขั้นวิกฤติ (มักเกิดจากการขาดยาลดความดันบางตัว)
- พิษของยาเคมีบำบัดและยาพุ่งเป้าบางตัว เช่น doxorubicin, trastuzumab
ภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรังมักเกิดจาก
- โครงสร้างหัวใจผิดปกติเล็กน้อยแต่กำเนิด
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเรื้อรัง
- โรคความดันโลหิตสูงเป็นเวลานาน
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวผิดปกติ (Hypertrophic cardiomyopathy)
- โรคของต่อมไร้ท่อที่ยังไม่ได้รักษา เช่น โรคคอพอกเป็นพิษ, โรคคนยักษ์, โรคของต่อมหมวกไต (ทั้ง Pheochromocytoma และ Adrenal insufficiency)
- มะเร็งระยะแพร่กระจาย
- ภาวะเยื่อหุ้มหัวใจบีบรัด (Constrictive pericarditis)
- ภาวะโลหิตจางเรื้อรัง
- ภาวะขาดสารอาหาร เช่น Thiamine (B1), Selenium
- กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากโรคทางภูมิคุ้มกัน
- พิษจากสารเสพติด เช่น แอลกอฮอล์ ยาบ้า
- พิษจากโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว ทองแดง
- โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Muscular dystrophy)
- โรคที่มีการแทรกซึมของเนื้อเยื่อ (Infiltrative diseases) เช่น Amyloidosis, Sarcoidosis, Hemochromatosis, Glycogen storage diseases, Lysosomal storage diseases ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดความยืดหยุ่น (Restrictive cardiomyopathy)
- วัยชรา
- ไม่ทราบสาเหตุ
อาการของหัวใจล้มเหลว
อาการของภาวะหัวใจล้มเหลวโดยรวมคือ เหนื่อยง่ายและเอกซเรย์พบหัวใจโต หากมีแต่หัวใจโต แต่ไม่เหนื่อย ยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ถือว่ามีภาวะหัวใจล้มเหลว หรือหากมีอาการเหนื่อยง่ายแต่เอกซเรย์ไม่พบหัวใจโตก็น่าจะเป็นโรคอื่น โอกาสที่จะเป็นภาวะหัวใจล้มเหลวค่อนข้างน้อย เว้นแต่เพิ่งล้มเหลวเฉียบพลันจากกล้ามเนื้อหัวใจตายกะทันหัน
อาการอื่นของภาวะหัวใจล้มเหลวขึ้นกับว่าเป็นหัวใจห้องขวาหรือห้องซ้ายล้มเหลว หัวใจห้องขวามีหน้าที่รับเลือดดำจากแขนขาและในช่องท้องไปฟอกที่ปอด หากรับเลือดไม่ได้ก็จะทำให้มีแขนขาบวม ตับโต แน่นท้อง หลอดเลือดดำที่คอโป่ง หัวใจห้องซ้ายมีหน้าที่ฉีดเลือดที่ฟอกแล้วจากปอดออกไปเลี้ยงร่างกาย หากฉีดเลือดออกไปไม่ได้เลือดก็จะคั่งอยู่ที่ปอด เกิดอาการที่เรียกว่า "น้ำท่วมปอด" คือ เหนื่อยหรือไอเวลานอนราบ ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นเร็วหรือเต้นผิดจังหวะ เมื่อแพทย์ฟังปอดก็อาจได้ยินเสียงวี้ดหรือเสียงกรอบแกร็บของน้ำในปอด เมื่อเอกซเรย์ทรวงอกก็จะเห็นหัวใจโตและน้ำท่วมปอด
การวินิจฉัยโรค
อาการของหัวใจล้มเหลวค่อนข้างชัด ยิ่งถ้าเอกซเรย์ทรวงอกพบหัวใจโตหรือมีลักษณะของ pulmonary congestion (ดูรูป) และคลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ แพทย์ทั่วไปก็สามารถวินิจฉัยได้ไม่ยาก แต่ในกรณีที่ผู้ป่วยมีโรคอื่นร่วมหลายโรค การวินิจฉัยอาจต้องตรวจเลือดดูระดับของ natriuretic peptide และ/หรือตรวจ คลื่นเสียงความถี่สูงดูห้องหัวใจและการบีบตัวของหัวใจร่วมด้วย
การตรวจ natriuretic peptide มี 2 แบบ คือ B-type natriuretic peptide (BNP) กับ N-terminal pro B-type natriuretic peptide (NT pro-BNP) ตารางข้างล่างแสดงการแปลผลของระดับ natriuretic peptide ทั้งสองชนิด
ระยะการเกิดอาการ | ระดับ natriuretic peptide | แปลผล |
ค่อย ๆ เหนื่อยขึ้นช้า ๆ ในเวลาเป็นสัปดาห์-เดือน | BNP <35 pg/mL หรือ NT-proBNP <125 pg/mL | ไม่น่าจะมีภาวะหัวใจล้มเหลว |
เหนื่อยมากอย่างรวดเร็ว ในเวลาเป็นชั่วโมง-วัน | BNP <100 pg/mL หรือ NT-proBNP <300 pg/mL | ไม่น่าจะมีภาวะหัวใจล้มเหลว |
BNP >500 pg/mL หรือ
NT pro-BNP >450 pg/mL (ในผู้ป่วยอายุ < 50 ปี)
NT pro-BNP >900 pg/mL (ในผู้ป่วยอายุ 50-75 ปี)
NT pro-BNP >1,800 pg/mL (ในผู้ป่วยอายุ > 75 ปี) | น่าจะมีภาวะหัวใจล้มเหลว |
ดังได้กล่าวไว้แล้วว่า ภาวะหัวใจล้มเหลวไม่ใช่โรค เมื่อตรวจพบต้องหาเหตุที่ทำให้เกิดขึ้นเสมอ นอกจากนั้นควรตรวจหาโรค/ภาวะที่พบร่วมกับภาวะหัวใจล้มเหลวได้บ่อย เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะแบบ Atrial fibrillation ภาวะไตเสื่อม/วาย ภาวะอ้วนและหยุดหายใจขณะหลับ ภาวะโลหิตจาง เป็นต้น
การรักษา
การรักษาภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
หัวใจล้มเหลวเฉียบพลันมักเกิดจากหลอดเลือดหัวใจอุดตันจนกล้ามเนื้อหัวใจตาย, หัวใจเต้นรัวผิดจังหวะ, หรือภาวะน้ำเกินในผู้ที่มีโรคหัวใจอยู่ก่อน สาเหตุเหล่านี้คลื่นไฟฟ้าหัวใจและเอกซเรย์ทรวงอกสามารถวินิจฉัยแยกโรคได้ การรักษาจึงต้องแก้ที่เหตุเป็นหลักก่อน กรณีที่เป็นกล้ามเนื้อหัวใจตายให้รีบติดต่อศูนย์โรคหัวใจเตรียมการสวนหลอดเลือด ระหว่างนั้นจะให้ยาขยายหลอดเลือด ยาพยุงความดัน ยาควบคุมการเต้นของหัวใจ ฯลฯ เพื่อซื้อเวลา กรณีที่เป็นหัวใจเต้นรัวผิดจังหวะจะให้ยาควบคุมการเต้นของหัวใจ และกรณีที่มีภาวะน้ำเกินก็จะฉีดยาขับปัสสาวะและจำกัดน้ำ
เมื่ออาการดีขึ้น จึงเข้าสู่กระบวนฟื้นฟู ยอมรับจุดเริ่มต้นของสภาพเสื่อม และควบคุมการเกิดหัวใจล้มเหลวซ้ำด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม±ยาตลอดไป
การรักษาภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรัง
ส่วนใหญ่หัวใจล้มเหลวเรื้อรังเป็นภาวะต่อเนื่องเมื่อรอดตายมาจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน นอกจากนั้นยังมีสาเหตุมาจากโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูงนาน ๆ, โรคหลอดเลือดหัวใจตีบและกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเรื้อรัง, โรคโครงสร้างหรือการนำไฟฟ้าหัวใจผิดปกติเป็นเวลานาน, ฯลฯ อาการเหนื่อยง่ายจึงไม่มาก แต่ทรง ๆ อยู่เป็นเดือน-ปี ความรุนแรงขึ้นกับความสามารถในการส่งเลือดออกของหัวใจห้องล่างซ้าย (Ejection fraction) การรักษาก็เช่นเดียวกัน ต้องรักษาที่โรคต้นเหตุควบคู่ไปกับการให้ยาควบคุมการทำงานของหัวใจ
ยารักษาภาวะหัวใจล้มเหลวที่ Ejection fraction ต่ำ ๆ มีหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มยาต้านเอซ (Angiotensin-converting enzyme inhibitors, ACEIs), กลุ่มยาต้านแองจิโอเทนซิน (Angiotensin-receptor blockers, ARBs), กลุ่มยาต้านปิดตัวรับเบตา (Beta-blockers), กลุ่มยาขับปัสสาวะ, กลุ่มยาขยายหลอดเลือด, กลุ่มยาอาร์นี (Angiotensin Receptor Neprilysin Inhibitor, ARNI), ยา Ivabradine, ยา Digoxin, และ Coenzyme Q10 ยาเหล่านี้จัดเป็นยาอันตราย ควรให้แพทย์โรคหัวใจเป็นผู้เลือกและปรับยาให้
นอกจากนั้นผู้ป่วยโรค Atrial fibrillation (AF) ควรได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือดเพื่อป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตันเส้นเลือดสมองด้วย และผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลวเรื้อรังทุกรายควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทุกปี (วัคซีนของแต่ละปีจะออกประมาณปลายเดือนพฤษภาคม-ต้นเดือนมิถุนายน)
บรรณานุกรม
- "Heart Failure Council of Thailand (HFCT) 2019 Heart
Failure Guideline: Introduction and Diagnosis
." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา J Med Assoc Thai 2019;102(2):231-9. (11 มิถุนายน 2562).
- "Heart Failure Council of Thailand (HFCT) 2019 Heart
Failure Guideline: Pharmacologic Treatment of Chronic
Heart Failure - Part I." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา J Med Assoc Thai 2019;102(2):240-4. (11 มิถุนายน 2562).
- "Heart Failure Council of Thailand (HFCT) 2019 Heart
Failure Guideline: Pharmacologic Treatment of Chronic
Heart Failure - Part II." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา MedscapeJ Med Assoc Thai 2019;102(3):368-72. (11 มิถุนายน 2562).
- "Heart Failure Council of Thailand (HFCT) 2019 Heart
Failure Guideline: Acute Heart Failure." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา J Med Assoc Thai 2019;102(3):373-9. (11 มิถุนายน 2562).
- "Heart Failure Council of Thailand (HFCT) 2019 Heart
Failure Guideline: Comorbidity in Heart Failure." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา J Med Assoc Thai 2019;102(4):508-12. (11 มิถุนายน 2562).
- "Heart Failure Council of Thailand (HFCT) 2019 Heart
Failure Guideline: Atrial Fibrillation in Heart Failure
Guidelines." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา J Med Assoc Thai 2019;102(4):513-7. (11 มิถุนายน 2562).