โรคกระดูกสันหลังเสื่อม (Spondylosis)

โรคกระดูกสันหลังเสื่อมเป็นภาวะที่เกิดขึ้นจากการเสื่อมของหมอนรองกระดูกสันหลัง ซึ่งมีหน้าที่ทำหน้าที่คล้ายโช้คอัพคอยรองรับแรงกระแทกระหว่างกระดูกสันหลัง เมื่ออายุมากขึ้นตั้งแต่อายุประมาณ 25 ปีขึ้นไป หมอนรองกระดูกจะค่อย ๆ สูญเสียความยืดหยุ่นและเสื่อมลง น้ำหนักตัวที่มาก กิจกรรมที่ต้องก้ม เงย หรือยกของหนัก รวมถึงการบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุ ล้วนเป็นปัจจัยเร่งให้เกิดการเสื่อมได้เร็วขึ้น

เมื่อหมอนรองกระดูกเสื่อมลง จะมีการบางลง ฉีกขาด หรือปูดไปกดทับเส้นประสาท กระดูกสันหลังที่ขาดการรองรับจึงเสียดสีกันมากขึ้น เกิดการสึกหรอและแตกหัก ร่างกายจึงตอบสนองด้วยการสร้างแคลเซียมมาพอกจนเกิดเงี่ยงหินปูน (osteophytes) ที่ทำให้การเสียดสีรุนแรงขึ้นและก่อให้เกิดอาการเจ็บปวดเรื้อรัง

อาการของโรค

อาการหลักของโรคกระดูกสันหลังเสื่อม เกิดจาก 3 กลไกสำคัญ ได้แก่

  1. กระดูกเสียดสีกันเองเวลาเคลื่อนไหว ทำให้ปวดเรื้อรังตรงตำแหน่งที่เสื่อม
  2. หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท ทำให้มีอาการปวดแปล๊บขึ้นมาเป็นพัก ๆ มักจะลงแขนหรือขาข้างที่เส้นประสาทไปเลี้ยง หากหมอนรองกระดูกหลุดไปมากจนกลับเข้ามาที่เดิมไม่ได้ก็จะปวดมากจนขยับไม่ได้ กล้ามเนื้อที่เส้นประสาทเส้นนั้นมาเลี้ยงจะอ่อนแรง แบบนี้ต้องได้รับการผ่าตัดฉุกเฉินเพื่อเอาหมอนรองกระดูกออก
  3. กระดูกสึกจนยุบ ทำให้แนวกระดูกสันหลังผิดรูป ผู้ป่วยจะเดินตัวเอียงหรือหลังค่อม และเดินไกลไม่ได้เพราะจุดศูนย์ถ่วงน้ำหนักตัวผิดแนวไป

กระดูกสันหลังมนุษย์แบ่งออกเป็น 5 ส่วน ได้แก่ คอ (C) 7 ชิ้น, อก (T) 12 ชิ้น, เอว (L) 5 ชิ้น, กระเบนเหน็บ (S) เชื่อมติดกันเป็นชิ้นเดียว, และ ก้นกบ (Coccyx) ซึ่งมักเสื่อมได้บ่อยในส่วนคอและเอว

เมื่อเสื่อมบริเวณคอ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดคอ ปวดไหล่ และปวดท้ายทอย ส่วนการเสื่อมบริเวณเอวมักมีอาการปวดหลังส่วนเอว เคลื่อนไหวก้ม เงย หรือเอี้ยวลำตัวลำบาก

ตารางแสดงอาการของเส้นประสาทที่ถูกกดทับตามตำแหน่งของกระดูกสันหลังเสื่อม

กระดูกสันหลังข้อที่กดเส้นประสาทที่อาการ (มักเป็นข้างเดียว)
C2-3C3ปวดท้ายทอย ต้นคอ อาจปวดร้าวไปหลังหู (โอกาสพบน้อยมาก)
C3-4C4ปวดและชาบริเวณบ่า, หัวไหล่, สะบัก ยักไหล่ไม่ขึ้น หายใจลำบาก (โอกาสพบน้อย)
C4-5C5ปวดและชาบริเวณหัวไหล่และต้นแขน
C5-6C6ปวดและชาแขน กระดกข้อมือขึ้นลำบาก นิ้วโป้งชาและอ่อนแรง
C6-7C7ปวดและชาด้านหลังของต้นแขน กระดกข้อมือลงไม่ค่อยได้ ชานิ้วชี้+กลาง+นาง ยกกระเป๋าขึ้น-ลงหิ้งไม่ค่อยได้
C7-T1C8นิ้วมืออ่อนแรง โดยเฉพาะนิ้วชี้และกลาง ติดกระดุมลำบาก ชานิ้วก้อย
L2-3L3ปวดและชาต้นขาด้านหน้า ไม่ค่อยมีแรงหุบขา
L3-4L4ปวดและชาบริเวณเข่าลงมาถึงขาด้านใน ยกขาเตะไม่ค่อยไหว
L4-5L5ปวดและชาขาด้านหน้า กระดกข้อเท้าและนิ้วโป้งเท้าไม่ค่อยขึ้น กางขาไม่ค่อยได้
L5-S1S1ปวดและชาต้นขาด้านหลังถึงส้นเท้า กระดกข้อเท้าลงไม่ค่อยไหว (เต้นบัลเล่ย์ไม่ได้)


การวินิจฉัยโรค

การวินิจฉัยอาศัยอาการร่วมกับการถ่ายเอกซเรย์ พบว่าช่องว่างระหว่างกระดูกแคบลงและมีเงี่ยงหินปูนยื่นออกมา ในกรณีที่มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง MRI อาจจำเป็นเพื่อวางแผนการผ่าตัด

การรักษา

ผู้ป่วยที่ยังไม่มีกล้ามเนื้ออ่อนแรง มักรักษาแบบไม่ผ่าตัด ได้แก่ ใส่ปลอกคอหรือสายรัดเอว รับประทานยา ทำกายภาพบำบัด เช่น ดึงคอ/เอว นวด ประคบร้อน ใช้ deep heat หรือไฟฟ้ากระตุ้น ส่วนใหญ่ช่วยให้อาการดีขึ้น

การผ่าตัดสงวนไว้สำหรับผู้ที่มีอาการกดทับเส้นประสาทรุนแรงหรือปวดเรื้อรังไม่ตอบสนองต่อการรักษา เช่น การเลาะหมอนรองกระดูกออก (Discectomy), การตัดหลังคากระดูก (Laminectomy), เปิดช่องเส้นประสาท (Foraminotomy), ตัดเงี่ยงหินปูน (Osteophyte removal), หรือเชื่อมกระดูก (Spinal fusion) กรณีที่ข้อต่อไม่มั่นคง

เป้าหมายการผ่าตัดเพียงเพื่อลดความเจ็บปวดและลดการกดทับเส้นประสาท ไม่สามารถทำให้สภาพกระดูกที่เสื่อมหายไปได้ หลังผ่าตัดผู้ป่วยยังคงมีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหวคอและลำตัว

การใช้ยา ได้แก่ ยากลุ่มเอ็นเสด, ยาคลายกล้ามเนื้อ และบางกรณีฉีดสเตียรอยด์เข้าช่องเหนือไขสันหลัง (epidural) หรือเข้าข้อต่อบริเวณที่ปวด เพื่อลดอาการปวดร้าวไปตามเส้นประสาทในรายที่ไม่สามารถเข้ารับการผ่าตัดได้

เมื่ออาการปวดดีขึ้น ในระยะยาวควรฝึกท่าที่ถูกต้องในการทำกิจวัตรประจำวัน และหมั่นบริหารกล้ามเนื้อคอและหลังเพื่อลดการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นอีก



พยากรณ์โรค

โรคกระดูกสันหลังเสื่อมเป็นโรคเรื้อรัง ไม่สามารถทำให้กระดูกกลับมาเหมือนเดิมได้ แต่การรักษาอย่างถูกวิธีสามารถช่วยควบคุมอาการ ลดความเจ็บปวด และปรับคุณภาพชีวิตได้ หากไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือพิการได้

การป้องกัน

  • ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • หลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือทำงานที่ใช้หลังเกินกำลัง
  • นั่ง ยืน และเดินในท่าที่ถูกต้อง
  • ออกกำลังกายเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลังและหน้าท้อง
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป

สรุป

โรคกระดูกสันหลังเสื่อมเป็นภาวะที่เกิดขึ้นตามอายุและการใช้งานของหมอนรองกระดูกและกระดูกสันหลัง ผู้ป่วยมักมีอาการปวดหลังเรื้อรัง ปวดร้าวลงแขนหรือขา และบางรายอาจมีภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง การรักษามีทั้งแบบประคับประคองด้วยยาและกายภาพบำบัด รวมถึงการผ่าตัดในกรณีรุนแรง แม้ไม่สามารถรักษาให้หายขาด แต่การดูแลที่เหมาะสมสามารถช่วยให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตประจำวันได้ใกล้เคียงปกติ และป้องกันการดำเนินโรคไม่ให้รุนแรงขึ้น

บรรณานุกรม

  1. "Cervical Radiculopathy." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Ortho Bullets. (29 กันยายน 2568).
  2. "Lumbar Disc Herniation." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Ortho Bullets. (29 กันยายน 2568).
  3. Ahmad Hassan Al-Shatoury. 2018. "Cervical spondylosis." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Medscape. (29 กันยายน 2568).
  4. Bruce M Rothschild. 2018. "Lumbar spondylosis." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Medscape. (29 กันยายน 2568).