ธาตุไอโอดีน (Iodine, I)
ไอโอดีนเป็นธาตุอโลหะในกลุ่มฮาโลเจนที่หนักที่สุด มีจุดหลอมเหลวที่ 113.7°C และจุดเดือดที่ 184.3°C คำว่า “ไอโอดีน” มาจากภาษากรีก “iodes” แปลว่า “สีม่วง” เนื่องจากธาตุไอโอดีนบริสุทธิ์มีลักษณะเป็นของแข็งสีม่วงดำ และเมื่อระเหยจะกลายเป็นก๊าซสีม่วง
ไอโอดีนมักอยู่ในรูปคู่โมเลกุล (I2) ซึ่งสามารถระคายเคืองผิวหนังได้ง่าย ส่วนอิออนของไอโอดีนคือ ไอโอไดด์ (I-) ซึ่งมักจับกับธาตุอื่น เช่น โซเดียมหรือโพแทสเซียม พบมากในรูปของเกลือละลายในน้ำทะเล ในขณะที่บนพื้นดินพบไอโอดีนน้อยมาก
ในชั้นบรรยากาศ ไอโอดีนมีบทบาทในการช่วยรักษาเสถียรภาพของโอโซน และควบคุมสมดุลในมหาสมุทรและดิน สำหรับในพืช ไอโอดีนช่วยให้ทนต่อดินเค็มได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม บทบาทของไอโอดีนต่อสุขภาพมนุษย์ที่แน่ชัดยังมีข้อมูลจำกัด
บทบาทที่ทราบแน่ชัดคือ ไอโอดีนเป็นองค์ประกอบสำคัญของฮอร์โมนไทรอยด์ ซึ่งร่างกายสร้างขึ้นจากกรดอะมิโนไทโรซีนและไอโอดีน โดยอาศัยเอนไซม์ที่มีซีลีเนียมเป็นองค์ประกอบ หากขาดสารเหล่านี้ ร่างกายจะสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ไม่ได้
หน่วยวัดปริมาณไอโดดีน
ในอาหาร วัดเป็นมิลลิกรัม (mg) หรือไมโครกรัม (mcg)
ในเลือดและปัสสาวะ วัดเป็นไมโครกรัมต่อลิตร (mcg/L)
บทบาทของธาตุไอโอดีนในร่างกาย
ไอโอดีนมีบทบาทหลักผ่านการทำงานของฮอร์โมนไทรอยด์ ได้แก่:
- กระตุ้นการเจริญเติบโต
- ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาการ
- เร่งการเผาผลาญพลังงานและอัตราการเต้นของหัวใจ
- เพิ่มการสลายไขมันและไกลโคเจน ช่วยสร้างพลังงานและเพิ่มอุณหภูมิร่างกาย
- กระตุ้นการตอบสนองของระบบประสาทซิมพาเธทิก
ช่วงพัฒนาสมองของตัวอ่อนในครรภ์จนถึงวัยเด็กเล็กต้องการไอโอดีนอย่างมาก การขาดไอโอดีนในมารดาอาจทำให้ทารกเป็นโรคเอ๋อ หรือถึงขั้นแท้งและพิการ
ไอโอดีนยังมีบทบาทสนับสนุนภูมิคุ้มกัน ลดโอกาสเกิดโรคเต้านมบางชนิด เช่น mammary dysplasia และ fibrocystic disease
แหล่งอาหารที่มีธาตุไอโอดีนสูง
แหล่งไอโอดีนสำคัญคือ อาหารทะเล และเกลือเสริมไอโอดีน โดยเกลือ 1 กรัมมีไอโอดีนประมาณ 47.5 mcg บางประเทศเสริมไอโอดีนในแป้งและเครื่องดื่มด้วย
กรมอนามัยแนะนำให้ได้รับไอโอดีน:
- ทั่วไป: 150 mcg/วัน
- หญิงตั้งครรภ์: 220 mcg/วัน
- หญิงให้นมบุตร: 290 mcg/วัน
ไอโอดีนที่รับประทานจะถูกรีดิวซ์เป็นไอโอไดด์ ซึ่งดูดซึมได้เกือบ 100% ผ่านกระเพาะและลำไส้ แต่กว่า 90% จะถูกขับออกทางปัสสาวะภายใน 1–2 วัน ดังนั้นจึงต้องรับประทานสม่ำเสมอทุกวัน
ร่างกายมีไอโอดีน 15–20 mg โดย 70–80% อยู่ในต่อมไทรอยด์ ซึ่งใช้ผลิตฮอร์โมนวันละประมาณ 80 mcg
ค่าปกติของไอโอดีนในปัสสาวะ (spot urine iodine): ≥ 100 mcg/L = เพียงพอ (หญิงตั้งครรภ์ ≥ 150 mcg/L)
ภาวะขาดธาตุไอโอดีน
การขาดไอโอดีนทำให้ต่อมไทรอยด์โต เกิดโรคคอพอก (goiter) แต่ถ้าขาดรุนแรงจะเกิดโรค hypothyroidism (หรือ Cretinism ในเด็ก)
อาการของ hypothyroidism ได้แก่: ขี้หนาว บวม ง่วงนอน ท้องผูก สมองช้า ปัญญาอ่อน หูหนวก แขนขาเกร็ง ฯลฯ
หากขาดซีลีเนียมร่วมด้วยจะทำให้สร้างฮอร์โมนไม่ได้เช่นกัน และมีอาการปวดข้อ กล้ามเนื้อ ข้อฝืด และข้อเสื่อมก่อนวัย
ปัจจุบันโรคคอพอกพบได้น้อยลงเพราะมีการเติมไอโอดีนในเกลือ
กลุ่มเสี่ยง:
- คนอยู่ไกลทะเล
- หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร
- ทารกจากแม่ที่ขาดไอโอดีน
- ผู้ใช้ยาบางชนิด เช่น Lithium, Phenylbutazone
- ผู้ได้รับสาร goitrogens มากเกิน เช่น มันสำปะหลัง บุหรี่ ข้าวฟ่าง กะหล่ำปลี ถั่วเหลือง ฯลฯ
- ผู้มีโรคทางเดินอาหารหรือผ่าตัดกระเพาะ/ลำไส้
โรคคอพอกที่เรื้อรังอาจเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งต่อมไทรอยด์
การวินิจฉัย: ระดับไอโอดีนในปัสสาวะ < 100 mcg/L, TSH สูง, T3 และ Free T4 ต่ำ หากตรวจ Radioactive Iodine Uptake โดยใช้ I123 จะพบการ uptake ที่สูงขึ้นมากถ้าขาดไอโอดีน
การรักษา: ให้ไอโอดีนร่วมกับ levothyroxine และติดตามค่า TSH และไอโอดีนในปัสสาวะ
* การให้ฮอร์โมนไทรอยด์ไม่สามารถแก้ไขความผิดปกติของระบบประสาทในเด็กที่เกิดขึ้นแล้วได้
พิษของธาตุไอโอดีน
พบได้น้อย มักเกิดเมื่อรับมากกว่า 1100 mcg/วัน อาการ: ขมปาก น้ำลายมาก สิว ปวดท้อง คลื่นไส้ ท้องเสีย บางรายเกิด hyperthyroidism (Jod-Basedow) หรือ hypothyroidism (Wolff-Chaikoff)
การวินิจฉัย: ตรวจไอโอดีนในปัสสาวะ > 300 mcg/L (หญิงตั้งครรภ์ > 500 mcg/L)
การรักษา: หยุดรับประทานไอโอดีน รอให้ร่างกายขับออกเอง
สรุป
ไอโอดีนเป็นแร่ธาตุสำคัญที่ร่างกายต้องใช้สร้างฮอร์โมนไทรอยด์ซึ่งควบคุมการเจริญเติบโต พัฒนาสมอง และการเผาผลาญพลังงาน การขาดไอโอดีนอาจทำให้เกิดคอพอกหรือปัญญาอ่อนในเด็ก ขณะที่การได้รับมากเกินไปอาจรบกวนการทำงานของต่อมไทรอยด์ แหล่งที่ดีที่สุดของไอโอดีนคืออาหารทะเลและเกลือไอโอดีน เราควรได้รับไอโอดีนทุกวันในปริมาณที่เหมาะสม และตรวจสอบระดับในปัสสาวะเพื่อประเมินความเพียงพอ
บรรณานุกรม
- "Iodine." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา British Nutrition Foundation. (13 เมษายน 2563).
- "Nutrition Requirements." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา British Nutrition Foundation. (30 มกราคม 2563).
- "Thai RDI." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา กระทรวงสาธารณสุข. (1 กุมภาพันธ์ 2563).
- "Iodine." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Oregon State University. (13 เมษายน 2563).
- "Iodine." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา NIH. (13 เมษายน 2563).
- "iodine." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา whfoods.org. (13 เมษายน 2563).
- "10.1 Iodine." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Nutrition Flexbook. (13 เมษายน 2563).
- "10.11 Thyroid Hormone." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Nutrition Flexbook. (13 เมษายน 2563).
- "- Elements - 35: IODINE." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา apjcn.nhri.org.tw. (13 เมษายน 2563).
- "Iodine." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Wikipedia. (13 เมษายน 2563).
- Larry E. Johnson. 2018. "Iodine." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา MSD Manual. (13 เมษายน 2563).
- Daisy Whitbread. 2019. "Top 10 Foods Highest in Iodine." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา MYFOODDATA. (13 เมษายน 2563).