สังกะสี (Zinc, Zn)
สังกะสีหรือซิงค์ เป็นโลหะสีเงินที่พบได้ทั่วไปทั้งบนผิวโลกและในมหาสมุทร มีคุณสมบัติมันวาว จุดเดือดและจุดหลอมเหลวต่ำกว่าหลายโลหะ จึงนิยมใช้เคลือบโลหะเพื่อป้องกันสนิม แม้จะอยู่ได้ไม่นานเนื่องจากทำปฏิกิริยากับออกซิเจนได้ง่าย
สังกะสียังมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรม เช่น ซิงค์ออกไซด์ (ZnO) ใช้ในอุตสาหกรรมเซรามิกส์, ซิงค์คาร์บอเนต (ZnCO3) ผสมในยาทาแก้คัน, ซิงค์ซัลเฟต (ZnSO3) ในสิ่งทอ, ซิงค์ซัลไฟต์ (ZnS) ในหลอดฟลูออเรสเซนต์, ซิงค์ไฮดรอกไซด์ (Zn(OH)2) ในอุตสาหกรรมยาง และซิงค์คลอไรด์ (ZnCl2) เป็นสารกันเชื้อราในกระดาษและไม้อัด รวมถึงซิงค์ไพริดีนไธโอนในแชมพูป้องกันรังแค
นอกจากด้านอุตสาหกรรม สังกะสียังเป็นแร่ธาตุจำเป็นของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด เพราะเป็นองค์ประกอบและตัวเร่งปฏิกิริยาในเอนไซม์และโปรตีนจำนวนมาก
บทบาทของสังกะสีในร่างกาย
สังกะสีมีบทบาทสำคัญในเมตาบอลิซึมภายในเซลล์ โดยทำหน้าที่เป็นตัวเร่งในเอนไซม์กว่า 100 ชนิด และเป็นส่วนประกอบของโปรตีนกว่า 3,000 ชนิด
หน้าที่ของสังกะสี ได้แก่ ส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ต้านอนุมูลอิสระ สังเคราะห์ Heme และ DNA ควบคุมการแสดงออกของยีน การแบ่งเซลล์ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยสมานแผล และควบคุมการหลั่งฮอร์โมน รวมถึงการส่งสัญญาณประสาท
เอนไซม์ Alcohol dehydrogenase ที่ทำลายเอทานอลในแอลกอฮอล์ต้องใช้สังกะสีถึง 4 โมเลกุลในการทำงาน ดังนั้นผู้ดื่มสุราที่ขาดสังกะสีจะเกิดพิษจากแอลกอฮอล์ได้ง่าย
สังกะสียังมีบทบาทในเอนไซม์ superoxide dismutase ที่เปลี่ยนอนุมูลอิสระ superoxide ให้กลายเป็น hydrogen peroxide ซึ่งต่อมาจะถูกแปลงเป็นน้ำโดยเอนไซม์ glutathione peroxidase
แหล่งอาหารที่มีสังกะสีสูง
อาหารที่มีสังกะสีสูงได้แก่ หอยนางรม (1 ตัวให้สังกะสีประมาณ 8.7 มิลลิกรัม) เนื้อสัตว์ ไข่ เต้าหู้ ถั่ว นม และผงโกโก้ ในขณะที่ผักและผลไม้มีสังกะสีน้อย
ปัจจุบันแนะนำให้เพศชายรับสังกะสีวันละ 11 มิลลิกรัม และเพศหญิงวันละ 8 มิลลิกรัม
การดูดซึมสังกะสีจากอาหารมีประสิทธิภาพ 15-40% โดยแหล่งจากสัตว์จะดูดซึมได้ดีกว่า เพราะพืชมีสาร phytate ที่ขัดขวางการดูดซึม สารที่ลดการดูดซึมอื่น ๆ ได้แก่ ธาตุเหล็ก แคลเซียม polyphenol จากชา-กาแฟ และ oxalate
เมื่อดูดซึมเข้าสู่เซลล์ลำไส้ สังกะสีจะจับกับโปรตีน Thionein และค่อย ๆ ถูกปล่อยเข้าสู่กระแสเลือดตามความต้องการของร่างกาย ก่อนถูกลำเลียงไปที่ตับ ตับอ่อน ม้าม ไต กระดูก และกล้ามเนื้อ
สังกะสีส่วนเกินจะถูกขับออกทางอุจจาระ โดยสังกะสีในเลือดมีเพียง 0.1% ของปริมาณในร่างกายทั้งหมด ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 2 กรัม จึงไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่ดีในการประเมินภาวะขาดสังกะสี
ภาวะขาดสังกะสี
พบได้ในผู้ที่มีโรคทางเดินอาหาร โรคตับ โรคไตวายเรื้อรัง เบาหวาน มังสวิรัติแบบเคร่งครัด หรือได้รับยาขับโลหะหนัก นอกจากนี้ยังพบในโรคทางพันธุกรรม Acrodermatitis enteropathica
อาการของการขาดสังกะสีได้แก่ ผื่นแดงรอบปากและอวัยวะเพศที่ลุกลาม ผมร่วง รังแค เล็บเปราะ ลิ้นไม่รับรส เบื่ออาหาร ท้องเสีย อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย สมาธิสั้น เหม่อลอย ตาบอดกลางคืน ในเด็กจะเลี้ยงไม่โต ตัวเล็ก วัยรุ่นจะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ช้า ผู้ใหญ่จะมีสมรรถภาพทางเพศลดลง
การวินิจฉัยอาศัยอาการเป็นหลัก การตรวจเลือดให้ค่าไม่แน่นอน เพราะอัลบูมินต่ำทำให้ผลต่ำผิดปกติ หรือเม็ดเลือดแดงแตกอาจทำให้ค่าผิดพลาด
การตรวจปัสสาวะมีประโยชน์ หากพบว่าน้อยกว่า 150 mcg/วัน ก็สนับสนุนภาวะขาดสังกะสี
การรักษาให้ธาตุเสริมในขนาด 15–120 มิลลิกรัม/วัน จนกว่าอาการจะหายเป็นปกติ
พิษของสังกะสี
พิษไม่พบจากอาหารทั่วไป แต่พบในกรณีรับอาหารเสริม > 40 มิลลิกรัม/วัน หรือจากการทำงานในโรงงานที่มีฝุ่น/ไอของสังกะสี หรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนซิงค์ออกไซด์
พิษจากการสูดดมเกิดอาการไอ หลอดลมอักเสบ ปอดบวม กล้ามเนื้อปวด มีไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย เรียก “ไข้วันจันทร์” (Monday fever) หรือ “ไข้พิษโลหะ” (metal fume fever)
พิษเฉียบพลันจากการรับประทานอาจทำให้เยื่อทางเดินอาหารอักเสบรุนแรง ส่วนพิษเรื้อรังจะรบกวนการดูดซึมทองแดงและเหล็ก ทำให้เกิดภาวะโลหิตจางจากการขาดเหล็ก และอาการทางระบบประสาทจากการขาดทองแดง
ไม่มีการรักษาจำเพาะ ยกเว้นการหยุดรับสารพิษ
สังกะสีเสริมอาหารยังรบกวนการดูดซึมของยาหลายชนิด เช่น cephalexin, tetracycline, penicillamine, atazanavir และ ritonavir
สรุป
- สังกะสีเป็นแร่ธาตุจำเป็นต่อการทำงานของเอนไซม์และภูมิคุ้มกัน
- พบมากในหอยนางรม เนื้อสัตว์ ไข่ ถั่ว และผลิตภัณฑ์นม
- ร่างกายต้องการเพียงเล็กน้อย แต่ขาดไม่ได้
- ภาวะขาดอาจทำให้เกิดผื่นเรื้อรัง ผมร่วง ลิ้นไม่รับรส และการเจริญเติบโตล่าช้า
- การเสริมมากเกินไปอาจเกิดพิษ และรบกวนการดูดซึมของแร่ธาตุอื่นและยา
บรรณานุกรม
- "Zinc." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา British Nutrition Foundation. (10 เมษายน 2563).
- "Nutrition Requirements." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา British Nutrition Foundation. (30 มกราคม 2563).
- "Thai RDI." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา กระทรวงสาธารณสุข. (1 กุมภาพันธ์ 2563).
- "Zinc." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Oregon State University. (10 เมษายน 2563).
- "Zinc." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา NIH. (10 เมษายน 2563).
- "zinc." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา whfoods.org. (10 เมษายน 2563).
- "12.8 Zinc." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Nutrition Flexbook. (10 เมษายน 2563).
- "- Elements - 34: ZINC." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา apjcn.nhri.org.tw. (10 เมษายน 2563).
- "สังกะสี." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Wikipedia. (10 เมษายน 2563).
- "สังกะสี (Zinc)." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา Greenclinic. (10 เมษายน 2563).
- Larry E. Johnson. 2018. "Zinc." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา MSD Manual. (10 เมษายน 2563).
- Daisy Whitbread. 2019. "Top 10 Foods Highest in Zinc." [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา MYFOODDATA. (10 เมษายน 2563).